วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561

หาดทรายแก้วสถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช

บทความวิชาการลำดับ 17 
โดย พระครูวรวิริยคุณ (ปราโมทย์ กลิ่นละมัย)

 เรื่อง "หาดทรายแก้วสถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช"
            หาดทรายแก้วเป็นสถานที่เจ้าชายทันตกุมารหรือทนทกุมารกับเจ้าหญิงเหมมาลาหรือเหมชาลา เชื้อสายกษัตริย์ครองแคว้นกลิงราษฎร์ได้นำพาพระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วลงเรือสำเภาหนีข้าศึกไปลังกา แต่เรือสำเภาถูกพายุพัดเข้ามาใกล้ฝั่งทะเลด้านทิศตะวันตกของประเทศไทย  เจ้าชายและเจ้าหญิงนำพระทันตธาตุซุกไว้ที่มวยผมเดินทางมาทางทิศตะวันออกจนบรรลุฝั่งทะเลตรงกับหาดทรายแก้วแล้วนำพระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานฝังซ่อนไว้เกือบใจกลางของหาดทราย
            หาดทรายแก้วที่ประดิษฐานองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชในปัจจุบันนี้ตั้งอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในระยะแรกตัวเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งยาวเหยียดไปทางเหนือและใต้มีสภาพเป็นหาดทรายมีน้ำล้อมรอบอยู่กลางทะเลในโค้งอ่าวของแผ่นดินใหญ่เรียกว่าหาดทรายแก้ว  ทางด้านทิศตะวันออกของหาดทรายแก้วเป็นทะเลเรียกว่า “ทะเลหลวง” ทุ่งนาเรียกว่านาปยามหรือนาหยาม  ทางด้านทิศตะวันตกประมาณแนวป่าต่อกับทุ่งนาชานเมืองเรียกว่านาปรัง ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ระหว่างหาดทรายแก้วกับฝั่งแผ่นดินใหญ่เป็นผืนนาปลูกข้าวได้ตลอดทั้งปีเรียกว่านาปรัง ซึ่งมีน้ำไม่ลึกมากเดินข้ามไปมาได้อย่างสะดวกสบาย
          หาดทรายแก้วด้านทิศเหนือจดปากน้ำสิชล ส่วนทางด้านทิศใต้ไปสิ้นสุดที่ฝังแม่น้ำปากพนัง  ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่  อนึ่งบนหาดทรายแก้วน่าจะเป็นหาดทรายที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ต้นตุ่ม แสม โกงกาง ลำพู ลำแพง เป็นต้น ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบดินทรายผสมดินเลนดินตมริมทะเล บางตอนอาจมีผู้คนอาศัยอยู่เพราะมีการขุดพบขวานหิน ลูกขัดหิน ลูกขัดหอย ขุดพบกลองมโหระทึกสำริดแบบวัฒนธรรมดองซอน ซึ่งมีอายุอยู่ในระหว่างปี พ.ศ. 200-500 ขุดพบหอกสำริด เครื่องมือช่างไม้สำริดที่บ้านพังสิงห์ ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนฝั่งแผ่นดินใหญ่น่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่ด้วยเหมือนกัน  เพราะมักขุดพบของใช้ที่คนก่อนประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่ อายุประมาณ 3,000 ปีที่ผ่านมา เช่น ขวานหินขัด (ขวานฟ้า) ลูกปัดหินกระจัดกระจายไปทั่วตามคลองท่าดี ตำบลกำโลน อำเภอ    ลานสกา และกระจายไปทั่วในหลายตำบลของอำเภอชะอวด ร่อนพิบูลย์ ทุ่งสง ฉวาง และท่าศาลา

            เอกสารโบราณได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพภูมิประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ในการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ได้แก่ ตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราชได้บรรยายให้เห็นว่าสถานที่แห่ง นี้คือ หาดทรายแก้วชเลรอบ ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญคือ หาดทรายแก้วนั้นกว้าง ยาว มีน้ำล้อมรอบ  ส่วนตำนานเมืองนครศรีธรรมราชได้บรรยายให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้มีลักษณะที่สำคัญคือ เป็น โคกหาดซายทะเลรอบ เป็น เกาะแก้ว และเป็น หาดใหญ่กว้างรีตามริมทะเลที่ๆรอบ ในขณะที่ พระนิพพานโสตรได้บรรยายให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้  คือ หาดทรายแก้ว ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ คือ เป็นหาดทรายที่ เห็นแจ้งแผ้วอยู่แจ่มใส ป่าอ้อป่าเลาใหญ่ ทรายแววไวที่สำราญ รวมทั้งยังเป็นแหล่งที่ แลดูสะอาด เป็น หาดทรายแก้วโสภา เป็น หาดทรายใหญ่ มี แม่น้ำคลองท่า มีลักษณะ แจ้งแผ้วน้ำฟ้า เป็นแหล่ง ทำนมัสการที่สำคัญของพญานาคและเป็นแหล่งที่มีตำรา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคำพรรณนาที่สะท้อนให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีสภาพภูมิประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ตามระบบความเชื่อเกี่ยวกับสถานที่ที่มีความ บริสุทธิ์ หรือเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ตามระบบความเชื่อของลัทธิไศวนิกายเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวไว้ว่า มีในตำรา เป็นได้  โดยตำนานพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชได้สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ของ หาดทรายแก้ว แห่งนี้เช่นเดียวกัน  ดังตัวอย่างที่ปรากฏในความบางตอนที่เขียนขึ้นในปี พ.ศ.1893  ที่ได้กล่าวว่าในครั้งนั้นได้มีการอัญเชิญเทวรูปจากอินเดียมายังเมืองนครศรีธรรมราช  เพื่ออัญเชิญต่อไปยังกรุงศรีอยุธยาได้ เพราะว่าได้  เกิดอัดจรร ลมพยุหะพัดเปน หมอกเม้กมืด 7 วัน 7 คืน  แลมายาพระณรายเทวารูป ใหนีฤามิตแต่เจาพญาโกษา วาเราจอยูเมืองณคร  เหดดุวาหาดแกวมีสาริกอิศรา  ตองเทวาทำนาย จิงอรูวามาญาพระณรายเทวรูปเสด้จอยูเมืองณคร ซึ่งข้อความที่ยกมานี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นการสืบต่อระบบความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ที่เกี่ยวข้องความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ เรียกว่า หาดแก้วหรือหาดทรายแก้วหรือ เกาะแก้ว แห่งนี้แล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงการนำเอา พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช หรือพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประดิษฐานอยู่ในพระบรมธาตุเจดีย์องค์นี้ไปผูกกันเข้าอย่างแนบแน่นกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือสภาพภูมิประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ของหาดทรายแก้วหรือราชธานีแห่งอาณาจักรแห่งนี้ด้วย โดยความศักดิ์สิทธิ์นั้นได้มีการถ่ายโอนจากการแสดงโดยอาศัยพระมหาธาตุองค์เดิม ดังที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าไว้ในสาส์นสมเด็จ (4 สิงหาคม 2477) กล่าวว่า
     ...พระมหาธาตุองค์เดิมเหมือนกันกับพระมหาธาตุไชยาพระสถูปที่เป็นพระมหาธาตุเดี๋ยวนี้พวกลังกามาสร้างครอบพระมหาธาตุเดิมแต่ภายหลัง หลักฐานที่ทูลนี้ได้มาจากพระครูเทพมุนี (ปาน) แกบอกหม่อมฉันว่า เมื่อซ่อมวิหารพระม้าได้ขุดพื้นดินลงไปพบบันไดพระมหาธาตุเดิมอยู่ใต้ดินเป็นอีกองค์หนึ่งต่างหาก  พิเคราะห์ความนี้ก็สมด้วยเรื่องพงศาวดารที่ปรากฏว่า พระลังกาที่มาตั้งเมืองนครศรีธรรมราชก่อนและมาสร้างพระสถูปมหาธาตุก็คงเป็นเพราะทางพระมหาธาตุของเดิมมีอยู่ที่นั้น แต่คงจะไม่รู้เรื่องตำนานของพระมหาธาตุเดิม  จึงเอาเรื่องทางเมืองลังกามาแสดงว่าพระทันตกุมารและนางเหมชะลา เชิญพระบรมธาตุมาจากเมืองทันตบุรีในอินเดีย......
            จากสาส์นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้แสดงให้เห็นว่าบนหาดทรายแก้วนี้มีพระบรมธาตุเจดีย์เดิมอยู่แล้ว นักวิชาการได้สันนิษฐานไว้ว่าเจดีย์องค์เดิมน่าจะมีสัญลักษณ์ศิลปะแบบพระบรมธาตุไชยาหรือเจดีย์ทรงโอคว่ำศิลปะแบบอินเดีย ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพให้ช่างย่อส่วนของพระบรมธาตุและเจดีย์รูปโอคว่ำแบบอินเดียมาสร้างไว้ข้างวิหารธรรมศาลา หน้าประตูเข้าพระวิหารคดในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเพื่อให้พิจารณาถึงพระบรมธาตุเจดีย์องค์เดิมบนหาดทรายแก้วดังกล่าว ซึ่งในที่สุดพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชหรือศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์หรือศูนย์กลางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรนครศรีธรรมราช ได้กลับกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่แพร่กระจายไปปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งอื่นๆ ภายในสถานที่ที่มีสภาพภูมิประเทศอันศักดิ์สิทธิ์ของหาดทรายแก้วอย่างกว้างขวาง
            องค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช  ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารหรือชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกว่า “ในพระ” ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยโบราณ  แต่เดิมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารมีชื่อว่า “วัดพระบรมธาตุ” ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาดูแลวัด ต่อมาเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จประพาสเมืองนครศรีธรรมราชในปี พ.ศ.2485 ทรงมีพระราชดำริว่าวัดพระบรมธาตุควรที่จะมีพระสงฆ์มาอยู่จำพรรษาดูแลวัดเป็นประจำ จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้จังหวัดนครศรีธรรมราชนิมนต์พระสงฆ์มาอยู่ประจำและพระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระมหาธาตุ ต่อมาได้มีประกาศกระทรวงธรรมการ แผนกสังฆการีลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2458  เรื่องจัดระเบียบพระอารามหลวงให้เรียกวัดพระบรมธาตุว่าวัดพระมหาธาตุ  วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก  ชนิดวรมหาวิหารมีเนื้อที่ประมาณ  31 ไร่ 2 งาน  ทิศเหนือติดกับโรงเรียนวัดพระมหาธาตุ ทิศใต้ติดกับถนนหน้าพระลาน  ทิศตะวันออกติดกับถนนราชดำเนิน และทิศตะวันตกติดกับถนนพระบรมธาตุ
            สรุปว่า หาดทรายแก้วได้กลายเป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ หลังจากเจ้าชายทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลานำพระทันตธาตุหนีลงเรือสำเภามาโดยซุกซ่อนไว้ในมวยผมของเจ้าหญิงเหมชาลา ขณะหนีเรือสำเภาได้ถูกพายุพัดเข้าฝั่งที่หาดทรายแก้ว ทั้งสองจึงได้ตัดสินใจฝังพระทันตธาตุไว้ ณ หาดทรายแห่งนี้ที่เกือบใจกลางของหาดทราย  ซึ่งในปัจจุบันสถานที่นั้นตั้งอยู่ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช วัดนี้เป็นอารามหลวงชั้นเอกมีเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ 2 งาน ทิศเหนือติดโรงเรียนพระมหาธาตุ ทิศใต้ติดถนนหน้าพระลาน ทิศตะวันออกติดถนนราชดำเนิน และทิศตะวันตกติดถนนพระบรมธาตุ

บรรณานุกรม
ดิเรก พรตตะเสน. “พระพุทธศาสนาในเมืองนครศรีธรรมราช”. ในรายงานการสัมมนาประวัติศาสตร์                                 นครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1. พิมพ์ครั้งที่ 2. นครศรีธรรมราช : มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช, 2554.
ปรีชา นุ่นสุข. พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช : กรุงสยามการพิมพ์, 2530.
ปรีชา นุ่นสุข. “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร”. ในนครศรีธรรมราช. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์, 2521.
ปรีชา นุ่นสุข. รายงานการวิจัยเรื่องประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในคาบสมุทรภาคใต้ของประเทศไทย. คณะกรรมการ             วิจัยการศึกษา การศาสนาและการวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ, 2544.
 ยงยุทธ วรรณโกวิท. ทองคำที่ใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์ปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช                         วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชระหว่าง พ.ศ.2537-2538.                           กรุงเทพมหานคร กรมศิลปากร, 2541.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น